3 เครื่องฟอกอากาศขายดีประจำปี 2021

เครื่องฟอกอากาศ

ในช่วงหลังมานี้มลพิษ ฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 เข้ามาในชีวิตของเรามาก เราจำเป็นต้องหาวิธีรับมือและวิธีป้องกัน อย่างเช่น หน้ากากป้องกันฝุ่น PM2.5 หรือลดการออกจากบ้านเพื่อป้องกันสูดดมฝุ่นจิ๋วเหล่านี้เข้าไปในร่างกาย แต่อีกสิ่งที่กลายเป็นสิ่งจำเป็นในสถานะการณ์อย่างนี้ คือ เครื่องฟอกอากาศ วันนี้เราเลยวิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศ พร้อม 3 เครื่องฟอกอากาศขายปีประจำปี 2021 มาฝาก

วิธีเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ

  • อย่างแรกที่เราต้อคิดถึงเลยคือขนาดของห้อง และเครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นแต่ละแบบก็มีสเปคเครื่องที่แตกต่างกัน อย่างเช่น บางเครื่องสามารถดูดอากาศเข้ามาฟอกให้เป็นอากาศบริสุทธิ์ได้ หรือเครื่องสเปคต่ำจะใช้กับห้องขนาดใหญ่ไม่ได้ เพราะขนาดเครื่องที่เล็กไม่สามารถทำงานได้ทั่วถึง หรือกว่าอากาศจะบริสุทธิ์ก็ต้องใช้เวลานาน ดังนั้นขนาดของเครื่องฟอกอากาศขนาดที่แตกต่าง ก็มีผลต่อการทำงานด้วย
  • อย่างที่สองคือความสามารถในกรองอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 ที่มีขนาดเล็ก เล็กกว่าเส้นผม เล็กจนสามารถเข้าไปในร่างกายของเราได้ ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ แล้วถ้ายิ่งสะสมในร่างกายมาก ก็ยิ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายเท่านั้น ดังนั้นก่อนจะเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ เราควรพิจารณาถึงความสามารถของฝุ่น แก๊สกลิ่น รวมถึงความยากง่ายในการกรองอากาศ
  • เสียงระหว่างการทำงานของเครื่องฟอกอากาศก็เป็นสิ่งสำคัญ แต่สำหรับบ้านที่มีเด็กและผู้สูงอายุอาจเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเสียงการทำงานอาจรบกวนการพักผ่อน โดยเครื่องฟอกอากาศจะทำงานด้วยพัดลม โดยเครื่องจะดูดเอาลมเข้าเครื่อง ผ่านแผ่นกรอง และพัดออกมาจากอีกทางหนึ่ง ฉะนั้นการทำงานของเครื่องฟอกอากาศย่อมมีเสียงอยู่แล้ว แต่เราควรเลือกเครื่องที่เสียงเบาที่สุด

แนะนำ 3 เครื่องฟอกอากาศขายดีประจำปี 2021

1. Xiaomi Mi Air Purifier 2S

  • เครื่องฟอกอากาศที่เหมาะกับขนาดห้องถึง 21-37 ตารางเมตร
  • ขนาดเท่าเครื่องฟอกอากาศทั่วไป แต่น้ำหนักเบา
  • ประหยัดพื้นที เพราะขนาดเท่ากับขนาดกระดาษ A4
  • มีหน้าจอ OLED แสดงผลการทำงานแบบ Real-Time
  • มีไฟแสดงสถานะอากาศ
  • ใช้ตัวเลเซอร์ในการตรวจจับฝุ่น
  • มีโหมด Auto สามารถทำงานได้อัตโนมัติ
  • มีโหมด Sleep ทำงานด้วยเสียงเงียบ
  • มีโหมด Lock ป้องกันไม่ให้เด็กมากดเล่น
  • สามารถควบคุมการทำงานด้วย สมาร์ทโฟน
  • ประหยัดพลังงาน ใช้ไฟแค่ 2 วัตต์ สูงสุด 29 วัตต์
  • เชื่อมต่อ Wifi รองรับแอพในสมาร์ทโฟนทั้ง Android และ IOS
  • น้ำหนักเพียง 4.5 กิโลกรัม

2. Sharp เครื่องฟอกอากาศ รุ่น FP-J30TA-A

  • เหมาะกับการใช้งานในห้องที่มีขนาด 23 ตารางเมตร
  • มีระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ที่พ่นอนุภาคไฟฟ้าบวกและลบออกมา
  • ปรับความแรงได้ 3 ระดับ
  • สามารถตั้งเเวลาเปิดปิดได้ ทั้งแบบ 4 ชั่วโมง หรือ 8 ชั่วโมง
  • ใช้แผ่นกรอง HEPA ที่มีประสิทธิภาพการดักจับฝุ่นละอองได้ดี

3. Philips เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AC1215

  • ระบบ AOI Sensor ตรวจจับอากาศแบบ Real Time
  • แสดงปริมาณฝุ่นละอองเป็นแสงไฟ 4 สี
  • มีโหมด Night Sense ให้ระบบทำงานด้วยเสียงเงียบ
  • สามารถปรับระดับความแรงในการกรองอากาศได้ 3 โหมด
  • VitaShield IPS ที่มีระบบ Filter กรองถึง 3 ชั้น